TFAC | แอลอาร์จินิน L-Arginine ขนาด 500 กรัม L003
รายละเอียดสินค้า
แอลอาร์จินิน (L-arginine) คือหน่วยเคมีโครงสร้างของโปรตีนที่เรียกว่า “กรดอะมิโน” (amino acid) ที่สามารถหาได้จากการรับประทานอาหาร และเป็นเคมีที่จำเป็นต่อการผลิตโปรตีนของร่างกาย แอลอาร์จินินถูกพบอยู่ในเนื้อแดง เนื้อสัตว์ปีก ปลา ถั่ว ธัญพืช และอาหารจำพวกนม อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์สามารถผลิตแอลอาร์จินินได้จากห้องปฏิบัติการและนำไปใช้เป็นยาได้อีกด้วย
แอลอาร์จินินถูกใช้รักษาภาวะหัวใจและและหลอดเลือดต่าง ๆ อย่างภาวะหัวใจล้มเหลว (congestive heart failure(CHF)) เจ็บหน้าอก ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) แอลอาร์จินินยังถูกใช้รักษาอาการปวดเรื้อรังที่ขาเนื่องจากเส้นเลือดอุดตัน (อาการปวดขาจากประสาท (intermittent claudication)) ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ (senile dementia) เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction (ED)) และภาวะมีบุตรยากของผู้ชาย
บางคนใช้แอลอาร์จินินในการป้องกันไข้หวัด เพิ่มการทำงานของไตหลังการปลูกถ่าย ควบคุมความดันโลหิตระหว่างตั้งครรภ์ (pre-eclampsia) เพิ่มความสามารถทางกีฬา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันภาวะอักเสบที่ระบบย่อยอาหารในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
แอลอาร์จินินถูกใช้ร่วมกับยารักษาและยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไปมากมายเพื่อรักษาภาวะต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่นใช้ร่วมกับ ibuprofen ในการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน ร่วมกับยาที่ใช้ในการบำบัดเคมีรักษามะเร็งเต้านม ร่วมกับกรดอะมิโนเพื่อรักษาภาวะน้ำหนักลดเนื่องจาก AIDS และร่วมกับน้ำมันปลา (fish oil) และอาหารเสริมอื่น ๆ เพื่อลดการติดเชื้อ เร่งกระบวนการสมานตัวของบาดแผล และร่นระยะเวลาฟื้นตัวหลังผ่าตัด เป็นต้น
บางคนใช้วิธีทาแอลอาร์จินินที่ผิวหนังเพื่อเร่งกระบวนการสมานบาดแผลและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังมือและเท้า โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะมือเท้าเย็น อีกทั้งแอลอาร์จินินในรูปแบบครีมยังมีไว้แก้ไขปัญหาด้านเพศทั้งในผู้หญิงและผู้ชายอีกด้วย
การใช้และประสิทธิภาพของแอลอาร์จินิน
อาการเจ็บหน้าอก (angina) การรับประทานแอลอาร์จินินอาจช่วยลดอาการและเพิ่มความทนทานต่อการออกกำลังกายและคุณภาพชิวิตของผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกได้ อย่างไรก็ตามตัวแอลอาร์จินินอาจไม่สามารถช่วยรักษาโรคต้นเหตุได้
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศในชาย (Erectile dysfunction (ED)) การรับประทานแอลอาร์จินิน 5 กรัมต่อวันอาจช่วยเพิ่มความสามารถทางเพศของผู้ชายที่เป็น ED ได้ โดยการทานในปริมาณที่ต่ำว่านั้นอาจจะไม่ส่งผลใด ๆ อย่างไรก็ตามก็มีหลักฐานว่าการเพิ่ม Pycnogenol อีก 40 mg สามครั้งต่อวันก็อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอลอาร์จินินที่ใช้ในปริมาณต่ำได้
ความดันโลหิตสูง มีหลักฐานว่าการรับประทานแอลอาร์จินินสามารถลดความดันโลหิตของผู้ที่มีสุขภาพดี ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีความดันสูงเล็กน้อยที่เป็นและไม่เป็นเบาหวานได้
การอักเสบของระบบย่อยอาหารในทารกคลอดก่อนกำหนด การเติมแอลอาร์จินินผสมในนมชงอาจช่วยป้องกันการอักเสบของระบบย่อยอาหารของทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้
ภาวะดื้อยาไนเตรต (Nitrate tolerance) การทานแอลอาร์จินิน 700 mg สี่ครั้งต่อวันอาจช่วยป้องกันการดื้อยาไนเตรตของผู้ที่กำลังรักษาอาการเจ็บหน้าอก (angina pectoris) ได้
โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (peripheral arterial disease) งานวิจัยกล่าวว่าการทานหรือฉีดแอลอาร์จินินเข้าเส้นเลือด (intravenously (by IV)) เป็นเวลานานถึง 8 สัปดาห์จะเพิ่มการไหลเวียนโลหิตของผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายได้ อย่างไรก็ตามการใช้แอลอาร์จินินในระยะยาว (นานกว่า 6 เดือน) อาจไม่ช่วยเพิ่มความเร็วหรือระยะทางในการเดินของผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่อย่างใด
ช่วยฟื้นร่างกายหลังการผ่าตัด การทานแอลอาร์จินินร่วมกับ ribonucleic acid (RNA) และ eicosapentaenoic acid (EPA) ก่อนหรือหลังจากเข้ารับการผ่าตัดอาจช่วยลดระยะเวลาพักฟื้น ลดจำนวนของการติดเชื้อ และเร่งกระบวนการสมานบาดแผลผ่าตัดขึ้น
ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ (pre-eclampsia) แม้ว่าจะมีรายงานผลของการใช้แอลอาร์จินินกับภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างมีครรภ์ที่ไม่สอดคล้องซึ่งกันและกัน แต่งานวิจัยส่วนมากก็สรุปกันว่าแอลอาร์จินินสามารถลดความดันของสตรีที่มีปัญหานี้ได้
Application: เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับมวลกล้ามเนื้อและช่วยเรื่องของการไหลเวียนของเลือดอีกทั้งกระตุ้นร่างกายให้การหลั่ง Growth hormone